ของเสียในร่างกายต้นเหตุของโรค
ธรรมชาติร่างกายของคนเราต้องการ อาหาร , น้ำ , อากาศ และการพักผ่อนที่เพียงพอ เมื่อเรารับประทาน อาหาร และ น้ำ เข้าไป กระบวนการทางธรรมชาติของร่างกายที่ต้องทำมีดังนี้
รูปประกอบจาก
http://e-learning.e-tech.ac.th/
ร่างกายจะทำการย่อยอาหารดูดซึมสารอาหารขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายโดยมีอวัยวะในร่างกาย เช่น ตับ , ไต และลำไส้ใหญ่ ทำหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกาย ในรูปของ เหงื่อ , ปัสสาวะ และ อุจจาระ ส่วนอากาศ ก็จะมีปอด ทำหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกายถ้าอาหารที่เราทานเข้าไปอยู่ในปริมาณที่พอดี , ย่อย และขับของเสียในร่างกายได้ดี สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรง แต่ถ้าเราทานเข้าไปมากเกินไปร่างกายก็จะทำงานไม่ไหว ไม่สามารถกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้หมดก็จะเกิดการตกค้างอยู่ในร่างกาย ถึงแม้ว่าเราจะทานอาหารที่ดีมีคุณค่าต่อร่างกายหรือราคาแพงมากเท่าไรก็ตาม หากร่างกายยังมีสารพิษและของเสียสะสมอยู่ โดยเฉพาะในทางเดินอาหาร ของเสียตกค้างเหล่านี้จะขัดขวางการดูดซึมสารอาหารที่มีคุณค่าเหล่านั้น ทำให้ร่างกายไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่กลับดูดสารพิษเข้าสู่กระแสเลือดแทนทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย รู้สึกง่วงนอนสัญญาณเตือนว่าคุณมีสารพิษ ตกค้างในร่างกาย
- ท้องผูก , อาหารไม่ย่อย, ขับถ่ายไม่ดี
- อ่อนเพลีย, เซื่องซึม, หงุดหงิดง่าย, นอนไม่หลับ, วิตกกังวล, เลื่อนลอย, ความจำไม่ดี, สมาธิสั้น
- ปวดศีรษะ , ปวดข้อ , ปวดกล้ามเนื้อ, ผิวแห้งแตก ,เส้นผมและเล็บมีความเปราะบาง
- ร่างกายขับของเสียออกทางผิวหนังและลมหายใจ ทำให้เกิดกลิ่นตัว กลิ่นปาก
- เป็นสิว , ผื่นคันเรื้อรัง ,มีอาการภูมิแพ้ชนิดอื่น
- มีอาการ ท้องอืด แน่นท้อง แก๊สมากและปวดเกร็งช่องท้อง
- คัดจมูก , เสมหะมาก , ลิ้นเป็นฝ้า , ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง เป็นต้น
หากคุณมีอาการดังกล่าวข้างต้น มาดูวิธีการขับสารพิษอย่างง่ายๆกัน ขอบคุณข้อมูลดีดี มีประโยชน์ ที่ได้จาก หนังสือชีวจิต
วิธีล้างสารพิษในร่างกายแบบง่ายๆ
คงพอจะทราบกันบ้างว่าการล้างสารพิษที่หมักหมมอยู่ในตัวให้ออกไปได้นั้นจะช่วยส่งผลทำให้ร่างกายแข็งแรง เลือดลมเดินสะดวก และถ้าทำเป็นประจำสม่ำเสมอแล้ว จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพและรักษาโรคได้ด้วย รู้แบบนี้แล้วจะมัวช้าอยู่ไย เลือกวันดีๆ ขึ้นมาสัก 1 วัน แล้วมาขจัดสารพิษในร่างกายกันเลยดีกว่า
หัวใจสำคัญของการล้างสารพิษใน 1 วันทำได้โดยที่คุณๆ ทั้งหลายจะต้องปฏิบัติตัวในการกินให้ได้แคลอรี่แค่ 800 กิโลแคลอรี่เท่านั้น เพื่อให้ระบบย่อยและตับได้พัก ต่อจากนั้นตับจะได้ขับสารพิษออกมาได้ และอาหารที่จะรับประทานในวันนั้นจะต้องไม่มีเนื้อสัตว์เข้ามาปะปนอย่างเด็ดขาด เมื่อเข้าใจกันดีแล้ว ต่อไปเรามาเข้าสู่กระบวนการล้างสารพิษกันเลย
1. เลือกผลไม้ที่คุณชอบมา 1 อย่าง เช่น มะละกอ ฝรั่ง แคนตาลูป แอปเปิ้ล ฝรั่ง ฯลฯ
ยกเว้นอยู่ 2 อย่าง คือ ทุเรียนกับสับปะรด เพราะทุเรียนมีแคลอรี่สูงเกินไปทำให้ย่อยยากเมื่อรับประทานแล้วจะเป็นภาระกับระบบย่อยอาหารส่วนสับปะรดก็มีกรดสูงมาก ถ้ากินบ่อยๆ ก็จะทำให้ท้องอืดได้
2. ให้รับประทานแต่ผลไม้ชนิดเดียวตลอดทั้งวัน โดยอาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ เช่น ถ้าเลือกมะละกอก็อาจจะทานเป็นเนื้อมะละกอสุก หรือส้มตำที่ใส่เฉพาะมะละกอกับน้ำปลามะนาวเท่านั้น ไม่ใส่เครื่องประกอบอื่นอย่างเด็ดขาด
3. พอถึงมื้อกลางวันก็ให้รับประทานมะละกออีก แต่อาจจะเปลี่ยนเป็นน้ำมะละกอปั่นใส่น้ำตาลน้อยที่สุดหรือน้ำมะละกอคั้นสดก็ได้
4. มื้อเย็นก็ยังต้องรับประทานมะละกออีกครั้งเป็นมื้อสุดท้ายของวัน โดยอาจจะบีบมะนาวลงไปด้วยนิดหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติให้ไม่เลี่ยนจนเกินไป
5. วันรุ่งขึ้นก่อนที่จะเริ่มมื้อเช้า ก็ให้ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นประมาณ 2 ขวด เพราะเมื่อเราล้างสารพิษ ตับจะขับสารพิษให้มารวมกันอยู่ที่ลำไส้เล็กส่วนต้น จึงต้องดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวเข้าไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัว เพื่อให้สารพิษถูกดันออกมากับอุจจาระ หลังจากที่ดื่มน้ำอุ่นแล้วคุณจะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำทันที แต่ถ้าไม่มีการดื่มน้ำกระตุ้นและไปรับประทานอาหารเช้าเลย สารพิษก็จะถูกดูดกลับเข้าไปในกระแสเลือดเหมือนเดิม ทำให้การอดอาหารล้างพิษของเราเป็นอันต้องเสียเปล่าไป
ขั้นตอนการเตรียมน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาว
1. ขวดน้ำขนาด 1 ลิตร จำนวน 2 ขวด, มะนาว 4 ลูก, เกลือป่น 2 ช้อนชา แต่ห้ามใช้เกลือไอโอดีนเด็ดขาด
2. ใส่น้ำดื่มให้เต็มขวด บีบมะนาวลงไปในขวด ขวดละ 2 ลูก เติมเกลือ 1 ช้อนชา เขย่าให้เข้ากัน มะนาวจะไปกระตุ้นให้ลำไส้ทำงาน ส่วนเกลือก็จะช่วยอุ้มน้ำไว้ไม่ให้ถูกร่างกายดูดซึมไปหมด เพื่อน้ำจะได้เหลือไปจนถึงทวารหนักเพื่อขับอุจจาระต่อไป
3. หลังจากดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวเข้าไปประมาณ 10-20 นาที คุณจะรู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องตกใจนั่นคืออาการปกติ
4. หลังจากถ่ายท้องเรียบร้อยแล้ว ก็รับประทานอาหารเช้าได้ตามปกติ
วิธีล้างสารพิษด้วยตัวคุณเองทำได้ง่ายนิดเดียว และถ้าจะให้กระบวนการล้างสารพิษมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็ควรทำเป็นประจำสัก 1 ครั้ง / 2 สัปดาห์หมั่นออกกำลังกายดูแลสุขภาพเพื่อชีวิตที่ดีมีคุณภาพ
http://thai-healthy.blogspot.com/2012/10/blog-post_9.html