เมนู
บทความ
บทความวิชาการ
>> อาเซียน
>> พรบ.การศึกษา
>> การจัดการเรียนรู้
>> คุณลักษณะนิสัย
>> วัดผลประเมินผล
>> ระบบดูแลนักเรียน
>> วิจัยในชั้นเรียน
>> หลักสูตร 2551
บทความวิทยาศาสตร์
>> รวมคำขวัญวันวิทยาศาตร์
>> เกิดอะไรขึ้นในสมอง
>> science-news
>> สีสันวิทยาศาสตร์
>> วิทยาศาสตร์น่ารู้
>> วิทย์ระดับประถม
>> คลังความรู้วิทยาศาสตร์
>> 10 กลวิทยาศาสตร์สนุก
>> เด็กวิทย์สนุกคิด
>> เทคโนโลยีและชีวภาพ
>> วิทยาศาสตร์มหัศจรรย์
>> นิทานวิทยาศาสตร์
>> เกร็ดวิทย์ชวนรู้
>> บทความวิทยาศาสตร์
>> ข่าววิทยาศาสตร์
>> การทดลองวิทยาศาสตร์
บทความน่าสนใจ
>> เอลนีโญและลานีญา
>> พืชสมุนไพร
>> เตรียมตัวสู้น้ำท่วม
>> สื่ออีเลิร์นนิ่ง
>> สื่อ Teblet
>> สึนามิ
>> ข้อคิด คติเตือนใจ
>> ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์
>> พืชดูดสารพิษ
บทความสุขภาพ
>> ผักบุ้งนา ประหยัดสุด
>> อาบน้ำลดน้ำหนัก
>> ช่วยตับขับพิษ
>> การแกว่งแขนบำบัด
>> ครีมเทียม ยิ่งมากยิ่งเสี่ยง
>> ของเสียในร่างกาย
>>12 วิธีการลดคลอเลสเตอรอล
>> 15 วิธีลดไขมัน
>> สมุนไพรลดไขมัน
>> บ้านสุขภาพ
>> อาหารกลางวัน
>> คำนวณภาวะโภชนาการ
>> โภชนาการน่ารู้
>> ธงโภชนาการ
>> 10 อย่างที่ควรรับประทาน
>> อาหารสุขภาพ
>> อาหารและสุขภาพ
>> สาระน่ารู้ต่างๆ นาๆ
ปฎิทิน
April 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
  
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
   
สถิติ
เปิดเมื่อ17/04/2012
อัพเดท31/12/2015
ผู้เข้าชม404024
แสดงหน้า524393


6 ข้อที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับครีมกันแดด

อ่าน 211 | ตอบ 0

 

เพราะแสงแดดในบ้านเมืองเรา มันร้อนแรงนัก ไม่ว่าจะฤดูร้อน ฤดูฝน หรือฤดูหนาว ก็ยังสาดแสงแรงจ้า เผลอไปตากแดด โดยไม่ป้องกันเมื่อไหร่ ผิวสวยใส เป็นอันต้องไหม้เกรียม เกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำได้ ด้วยเหตุฉะนี้ ครีมและโลชั่นป้องกันแสงแดด จึงถือเป็นตัวช่วยสำคัญประจำกาย ที่สาวเราขาดแทบไม่ได้ในทุกวัน

แต่แม้จะใช้เป็นประจำ ทว่าหลายคนกลับยังไม่ทราบ ข้อมูลสำคัญบางอย่างของครีมกันแดด หรือซันสกรีน (sunscreen) โอกาสนี้เราจึงขอรวบรวมเรื่องราวน่ารู้ 6 อย่างเกี่ยวกับเจ้าครีมป้องกันผิวมาบอกต่อ เพื่อให้คุณๆ ได้ใช้อย่างถูกวิธี และมีประสิทธิภาพสูงสุด

ข้อ 1 : ครีมกันแดดส่วนใหญ่ ป้องกันได้เฉพาะ UVB

เพราะในแสงแดด นอกจากจะมี รังสี UVB ที่สามารถส่องทะลุได้ถึงชั้นหนังแท้ จนก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง และริ้วรอยเหี่ยวย่นได้แล้ว ยังมี รังสี UVA ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผิวหนังไหม้ และเกิดจุดด่างดำอยู่ด้วยทว่าครีมหรือโลชั่นกันแดดจำนวนมาก ที่วางขายอยู่ในท้องตลาด กลับระบุว่ามีค่า SPF (Sun Protecting Factor) ที่ป้องกันได้เฉพาะรังสี UVBเท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่า ครีมหรือโลชั่นขวดนั้นๆ สามารถป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่น และมะเร็งผิวหนังได้ แต่อาจไม่เพียงพอที่จะป้องกันผิวคุณมิให้เกิดรอยไหม้ หรือจุดด่างดำ  ถ้าอยากป้องกันผิวสวยให้ครบสูตร คุณควรเฟ้นหาครีมกันแดด ที่นอกจากจะมีค่า SPF ที่ป้องกัน UVB ได้แล้ว ยังควรมีค่า PA (Protection Grade of UVA) ที่ป้องกันรังสี UVA ได้ด้วย

ข้อ 2 : ค่า SPF สูงเกินควร ไร้ประโยชน์ แถมเกิดโทษต่อผิว

ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ไม่ได้ดีต่อผิวเสมอไป เพราะหากคุณไม่ได้ไปออกแดดแรงจัด แต่ดันชโลมครีม ลูบไล้โลชั่นที่มีค่า SPF ระดับสูงมากๆ เช่น SPF70 หรือ SPF90 แทนที่ผิวจะปลอดภัย กลับกลายเป็นได้รับสารเคมีเพิ่มเข้าไปในผิวซะอย่างงั้น โดยเฉพาะหากคุณเป็นผู้ที่มีผิวบอบบาง และแพ้ง่าย การใช้ครีมที่มีค่า SPF สูง อาจทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ง่ายๆ  ทางออกที่ดีสำหรับผู้มีผิวบอบบางคือ การใช้ครีมหรือโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำลงมาสักหน่อย และขยันทาให้บ่อยครั้งอีกสักนิด ซึ่งอาจคำนวณเองได้ง่ายๆ โดยการนำตัวเลขที่ต่อท้าย SPF มาคูณด้วย 30 ผลลัพธ์ที่ได้ ก็จะหมายถึงจำนวนนาทีที่ครีมกันแดดนั้นจะป้องกันรังสี UVB ได้ เช่น SPF15ให้นำ 15 x 30 จึงเท่ากับครีมนั้น สามารถป้องกันรังสี UVB ได้นาน 450 นาที

ข้อ 3 : ความร้อนทำครีมกันแดดเสื่อมสภาพ

การที่คุณเก็บครีมหรือโลชั่นกันแดด ไว้ในสถานที่ร้อนจัดนานๆ อาทิ ในรถยนต์ ที่มักจอดกลางแดดที่ร้อนระอุ หรือพกพา ครีมกันแดดไปริมทะเล แล้วตากแดดจ้าไว้นานๆ สามารถทำให้ครีมกันแดดของคุณหมดอายุเร็วกว่า ที่ระบุไว้บนฉลากนับปีเลยทีเดียว  หากอยากให้ครีมกันแดด มีประสิทธิภาพยาวนาน ตามที่ควรจะเป็น ก็ควรเก็บรักษาไว้อย่างเหมาะสม ไม่นำไปตากแดด หรืออยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน แต่ไม่ต้องถึงกับใส่ไว้ในตู้เย็นหรอกนะคะ เพราะอากาศที่เย็นจัดเกินไป อาจทำให้ครีมเป็นไข แถมประสิทธิภาพบางอย่างในตัวครีมก็อาจถูกทำลายไปด้วย ทั้งนี้แนะนำว่า เก็บไว้ในอุณหภูมิห้องที่ไม่โดนแสงแดดส่องถึงก็เพียงพอแล้วค่ะ

ข้อ 4 : ต้องทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อออกแดดจัด

หลายคนเมื่อออกแดดจัด เช่น เล่นน้ำทะเล โต้คลื่นลมเสียจนเพลิน มักหลงลืมเวลาที่จะทาครีม หรือโลชั่นกันแดดซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่ส่วนใหญ่ด้านข้างผลิตภัณฑ์มักระบุไว้ชัดว่า ควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงเมื่อออกแดดขอบอกว่า การออกแดดเพลินจนลืมเวลาเช่นนั้น จะส่งผลเสียต่อผิวคุณมากโขเชียวค่ะ เพราะผลจากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง มีแนวโน้มเกิดผิวไหม้เกรียมมากกว่าผู้ที่ทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว ฉะนั้นเมื่อรักจะผิวสวย ทาครีมป้องกันผิวอย่างดีแล้ว ก็ต้องไม่ลืมคำนวณเวลา กลับมาทาครีมซ้ำอย่างสม่ำเสมอด้วยล่ะ

ข้อ 5 : เปลือยผิวออกแดดเพียง 5 ครั้ง ก็เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังแล้ว !

Annet King หัวหน้าสถาบันผิวหนังนานาชาติแห่งสหรัฐอเมริกาให้ข้อมูลว่า เพียงแค่คุณออกแดด (โดยไม่ทาครีมกันแดด) จนผิวไหม้เกรียม 5 ครั้ง ก็เท่ากับว่า คุณมีความเสี่ยงเป็นมะเร็วผิวหนังมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า!  จึงควรท่องจำให้ขึ้นใจว่า แสงแดดทำร้ายผิวได้มากกว่าที่คุณคิด เมื่อออกจากบ้านไปตากแดด ตากลม แล้วละเลยป้องกันผิว ผลกระทบที่ตามมาจึงไม่ใช่แค่ผิวดำ เกิดกระฝ้าเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลถึงขั้นก่อให้เกิดโรคร้าย ที่อันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว

ข้อ 6 : สภาวะโลกแย่ ต้องพึ่งพิงครีมกันแดดสม่ำเสมอ

เมื่อไม่นานมานี้ กรมอุตุนิยมวิทยาโลกได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันก๊าซโอโซน (Ozone) ที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันรังสี UV ระดับอันตรายจากแสงอาทิตย์ให้แก่โลก มีปริมาณลดลงกว่า 40% จึงส่งผลให้มนุษย์ มีโอกาสได้รับปริมาณรังสียูวีเพิ่มมากขึ้น  จึงเป็นข้อมูลที่บ่งบอกว่า ปัจจุบันแสงแดดทำร้ายผิวคุณได้มากขึ้นทุกขณะ การทาครีมป้องกันแสงแดด จึงต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันโรคร้ายอย่างมะเร็งผิวหนัง และยังเพื่อให้ผิวสวยใส ไร้จุดด่างดำอยู่กับคุณไปนานๆ 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ
         
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/22598

ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :
 


Web Master : ครูนงลักษณ์

นงลักษณ์ ชูทัน
  น.ส.นงลักษณ์ ชูทัน

สารพัดลิงค์







เรื่องน่ารู้



ผู้ที่เป็นครูจะต้องถือเป็นหน้าที่อันดับแรก ที่จะต้อง ให้การศึกษา คือ สั่งสอนอบรมอนุชนให้ได้ผลแท้จริง ทั้งในด้านวิชาความรู้ ทั้งในด้านจิตใจ และความประพฤติ ทั้งต้องคิดว่างานที่แต่ละคนกำลังทำอยู่นี้คือความเป็นความตายของประเทศ เพราะอนุชนที่มีความรู้ความดีเท่านั้นที่จะรักษาชาติบ้านเมืองไว้ได้…
(พระราชดำรัส : ๒๕๑๕)