เมนู
บทความ
บทความวิชาการ
>> อาเซียน
>> พรบ.การศึกษา
>> การจัดการเรียนรู้
>> คุณลักษณะนิสัย
>> วัดผลประเมินผล
>> ระบบดูแลนักเรียน
>> วิจัยในชั้นเรียน
>> หลักสูตร 2551
บทความวิทยาศาสตร์
>> รวมคำขวัญวันวิทยาศาตร์
>> เกิดอะไรขึ้นในสมอง
>> science-news
>> สีสันวิทยาศาสตร์
>> วิทยาศาสตร์น่ารู้
>> วิทย์ระดับประถม
>> คลังความรู้วิทยาศาสตร์
>> 10 กลวิทยาศาสตร์สนุก
>> เด็กวิทย์สนุกคิด
>> เทคโนโลยีและชีวภาพ
>> วิทยาศาสตร์มหัศจรรย์
>> นิทานวิทยาศาสตร์
>> เกร็ดวิทย์ชวนรู้
>> บทความวิทยาศาสตร์
>> ข่าววิทยาศาสตร์
>> การทดลองวิทยาศาสตร์
บทความน่าสนใจ
>> เอลนีโญและลานีญา
>> พืชสมุนไพร
>> เตรียมตัวสู้น้ำท่วม
>> สื่ออีเลิร์นนิ่ง
>> สื่อ Teblet
>> สึนามิ
>> ข้อคิด คติเตือนใจ
>> ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์
>> พืชดูดสารพิษ
บทความสุขภาพ
>> ผักบุ้งนา ประหยัดสุด
>> อาบน้ำลดน้ำหนัก
>> ช่วยตับขับพิษ
>> การแกว่งแขนบำบัด
>> ครีมเทียม ยิ่งมากยิ่งเสี่ยง
>> ของเสียในร่างกาย
>>12 วิธีการลดคลอเลสเตอรอล
>> 15 วิธีลดไขมัน
>> สมุนไพรลดไขมัน
>> บ้านสุขภาพ
>> อาหารกลางวัน
>> คำนวณภาวะโภชนาการ
>> โภชนาการน่ารู้
>> ธงโภชนาการ
>> 10 อย่างที่ควรรับประทาน
>> อาหารสุขภาพ
>> อาหารและสุขภาพ
>> สาระน่ารู้ต่างๆ นาๆ
ปฎิทิน
April 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
  
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
   
สถิติ
เปิดเมื่อ17/04/2012
อัพเดท31/12/2015
ผู้เข้าชม403885
แสดงหน้า524250


ชวนทำยาจุดกันยุงสมุนไพร กำยานกันยุงใช้เอง

อ่าน 1117 | ตอบ 1

ควันที่เกิดจากพืชสมุนไพรพื้นบ้านจากธรรมชาติ สามารถไล่และกำจัดยุงได้ดี ให้ความปลอดภัย ประหยัด ช่วยทำให้บรรยากาศรอบข้างหอมสดชื่นและไร้สารพิษจากสารเคมีตกค้าง

ปัญหายุงกัดคนและสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะคนที่ไปทานอาหารตอนหัวค่ำ ในบ้าน ที่ร้านอาหาร หรือยามรักษาความปลอดภัยที่ดูแลทรัพย์สินยามค่ำคืนหรือคนทำงานที่จำเป็นต้องไปนอนตามไร่ตามสวน หรือเที่ยวนอนเต้นท์ ทำให้ต้องหาวิธีการไล่ยุง มีทั้งฉีดพ่นตามพื้นดิน โดยเฉพาะร้อนอาหาร หรือใช้ยาจุดกันยุง ซึ่งใช้สารเคมีเป็นพิษ เป็นอันตรายต่อปอด (อาจผสมดีดีที ที่เป็นสารก่อมะเร็ง) และอาจเกิดผื่นค้นตามผิวหนัง โดยเฉพาะคนที่มีผิวหนังบอบบางแพ้สารเคมี

วิธีการป้องกันกำจัดยุงนั้นมีหลายวิธี เช่น ติดมุ้งลวด ฉีดพ่นด้วยสารเคมีกำจัดยุง ใช้ยาจุดกันยุง เครื่องช็อตไฟฟ้า ยาทากันยุง โลชั่นทากันยุง ธูปกันยุง เทียนจุดกันยุง สเปร์น้ำฉีดพ่นไล่ยุง ยาหม่องกันยุง เสื้อกันยุง สบู่หอมกันยุง ครีมทาผิว

สูตรยาจุดกันยุง

สูตรยาจุดกันยุง สูตร ตระไคร้หอม
ยาจุดกันยุง ทำจากสมุนไพรใกล้ตัว ที่มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ
ส่วนประกอบ

ต้นใบตระไคร้หอม (Citronella)
ใบมะกรูด (Bergamot)
เปลือกส้ม (Pomelo)
ใบเสม็ดขาว (ทางเลือก)
นํ้ามันตระไคร้หอม

วิธีทำ
นำเอาส่วนประกอบที่เป็นของแข็ง มาตากหรืออบให้แห้ง บดเป็นผง ผสมให้เข้ากัน แล้วพ่นส่วนที่เป็นของเหลวลงไปให้ทั่ว จากนั้นใช้แป้งเปียก ผสมลงไปให้เหนียว ปั้นเป็นแท่งจุดแบบยาวหรือแบบขดเป็นก้นหอย แล้วนำไปตากให้แห้ง บรรจุถุงกันชื้น เพื่อเก็บรักษาให้นาน และจุดง่าย
การใช้งาน
โดยวิธีจุดเหมือนยาจุดกันยุงทั่วๆไป

สูตรยาจุดกันยุง สูตรใบมะกรูด
สมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์ในการกำจัดยุง และนำมาอัดเป็นแท่ง
ส่วนประกอบ

ใบมะกรูด
ชาเขียว
ตะไคร้หอม
เปลือกส้มเขียวหวาน
สะเดา
กะเพรา

วิธีทำ
เลือกชนิดสมุนไพรมา อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เท่าที่จะหาได้ ประสิทธิภาพจะเรียงตามลำดับข้างบนนำมาผสมกับ
ขี้เลื่อย โดยใช้แป้งมันสำปะหลังกับแป้งข้าวโพดเป็นส่วนผสม

สูตรยาจุดกันยุง สูตรขมิ้นชัน
สมุนไพร
ตะไคร้หอม
ขมิ้นชัน
ยูคาลิปตัส
ผลิตภัณฑ์จุดไล่ยุงที่ให้ความปลอดภัยสูงสุดต่อสุขภาพของผู้ใช้ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

สูตรธูปหอมจุดกันยุง สูตร ผิวมะกรูด
ธูปหอมสมุนไพรไล่ยุง
วัสดุและส่วนผสม

ผิวมะกรูดป่น (ผิวของผลมะกรูดตากแห้งบดละเอียด) 25%
ตะไคร้หอมป่น (ต้นและใบบดละเอียด) 25%
ใบสะเดาแห้งบดละเอียด 20%
จันทน์เหนียว (เป็นยางไม้ชนิดหนึ่งบดละเอียด เมื่อถูกน้ำจะเหนียว ซื้อได้ที่ร้านขายเครื่องสมุนไพรแถวเยาวราช) 5%
จันทน์ขาว (เนื้อธูป) 10%
ผงกะลามะพร้าว (กะลามะพร้าวแห้งบดละเอียด มีคุณสมบัติช่วยให้ติดไฟได้ดี) 5%
พิมเสน (กลิ่นหอมทำให้หายใจโล่ง) 5%
สีผสมอาหารเล็กน้อย (สีเขียว)

วิธีทำ
เริ่มจากนำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากันและนวดกับน้ำให้นุ่มมือเหมือนกับแป้งขนม อย่าให้เปียกแฉะจนเกินไป เมื่อนวดได้ที่แล้ว นำไปทำเป็นรูปทรงต่างๆ ทำแบบพิมพ์โดยใช้เสื่อน้ำมันทำเป็นรูปกรวยกลวง ความยาวประมาณ 3 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลางของปากกรวยประมาณ 1.5 นิ้ว จากนั้นตักส่วนผสมที่นวดได้ที่แล้วใส่ลงไปในกรวย แล้วทำให้บริเวณปากกรวยเป็นโพรงเล็กน้อย จากนั้นนำไปคว่ำตากแดดไว้ 2-3 แดด ให้แห้ง นำไปอบในตู้อบอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ละชิ้นจุดไล่ยุงได้ประมาณ 30 นาที หากต้องการทำเป็นเส้น ก็นำไม้ไผ่สำหรับทำเป็นแกนธูปจุ่มน้ำ แล้วจุ่มไปที่จันทน์เหนียวกับขี้เลื่อย แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำเอาส่วนผสมที่นวดได้ที่แล้วมาฟั่นกับแกนไม้ไผ่ แล้วนำไปตากแดด

สูตรยาจุดกันยุง สูตร ยูคาลิปตัส
ยูคาลิปตัส
เปลือกส้ม
สูตรนี้จุดไล่ยุงและแมลงต่างๆได้

สูตรยาจุดกันยุง สูตรขี้ควายแห้ง
ส่วนประกอบ

ขี้ควายแห้งพอหมาด 3 กก.
ใบน้อยหน่าแห้ง บด 1 กก.
ใบตะไคร้หอมแห้ง บด 1 กก.
ใบยูคาลิปตัสแห้ง บด 1 กก.
ใบสะเดาหรือเมล็ดแห้ง บด 1 กก.
ใบมะกรูดแห้ง บด 1 กก.
ใบแมงแห้ง บด 1 กก.

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้าให้นานจนเข้ากัน ใช้มือบีบว่าเหนียวพอปั้นได้หรือไม่ นำวัตถุดิบที่เตรียมใส่ลงในกระบอกไม้ไผ่ แล้วอัดให้แน่น เสียบไม้ให้อยู่ตรงกลาง ตากแดดแห้งพอหมาด แล้วดันแท่งยากันยุงออกจากกระบอกไม้ไผ่ ตากแดดจนแห้งสนิท แล้วนำไปจุดกันยุงได้ โดยสามารถใช้ได้สัตว์แล้งได้ทุกชนิด แต่ระวังอย่าให้ลุกไหม้สิ่งอื่น

สูตรยาจุดกันยุง สูตรข่า
ผักสวนครัวสมุนไพร เราก็พบว่าพืชผักที่สามารถไล่ยุงได้ มีตะไคร้หอม มะกรูด และ ข่า เมื่อเราศึกษาเกี่ยวกับเรื่องรูปทรงเรขาคณิตและปริมาตร โดยเรากำหนดพื้นที่ฐานและ ความสูงของรูปทรงปริซึม พีระมิด กรวย ทรงกลมและทรงกระบอก ทำให้เราพิสูจน์ว่าเมื่อปริมาตรและความสูงที่เท่ากัน รูปทรงที่สามารถไล่ยุงได้นานที่สุดคือ รูปทรงกรวย กล่าวคือ การนำเอารูปทรงเรขาคณิตมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ในเรื่องของการใช้เศษเทียนไข
สมุนไพรพื้นบ้านมาผสมกันแล้วใช้เป็นยาจุดไล่ยุง รูปทรงเรขาคณิตมีผลต่อระยะเวลาที่ใช้ในการไล่ยุงและรูปทรงที่มีระยะเวลาในการหลอมละลายหรือไล่ยุงได้นานที่สุดได้แก่รูปทรงกรวย รูปทรงพีระมิด ทรงกระบอกและรูปทรงปริซึมตามลำดับ ทำให้เราเลือกรูปทรงที่จะนำมาเป็นเทียนสมุนไพรไล่ยุงและสามารถประหยัดทรัพยากรได้มากที่สุด

สูตรยาจุดกันยุง สูตรใบดาวเรือง
ธูปสมุนไพรที่ทำจากส่วนผสมของใบดาวเรือง ใบสะเดา เปลือกส้ม และตะไคร้หอม และเมื่อพิจารณาพืชสมุนไพรแต่ละชนิด พบว่าใบดาวเรืองสามารถกำจัดยุงได้ดีที่สุด รองลงมาคือ เปลือกส้ม ใบสะเดา และตะไคร้หอม ตามลำดับ

สูตรยาจุดกันยุง สูตร 9 เปลือกต้นอีเหม็น
เปลือกต้นธูปสับเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง 2 ส่วน
เปลือกสะเดา, เปลือกต้นอีเหม็น, ผิวมะกรูด, หัวข่า , ตะไคร้หอม สับเป็นชิ้นเล็กๆ ในอัตราอย่างละ 1 ส่วน
น้ำตะไคร้หอมที่คั้นจากใบสด 1 ขวด

สูตรยาจุดกันยุง สูตร อบเชย-สาบเสือ
พืชสมุนไพร เพื่อมาเป็นส่วนผสมในการทำยากันยุงใช้ในบ้านเรือน โดยใช้ต้นอบเชยและต้นสาปเสือในการผสม เอามาบดและผสมน้ำทำเป็นก้อนและจัดลงเบ้าตากแดด ก่อนที่จะนำไปจุด

น้ำมันทากันยุง
ยากันยุงที่มีส่วนผสมของน้ำมันตะไคร้หอม น้ำมันแมงลัก และน้ำมันหญ้าแฝก
น้ำมันตะไคร้หอมและแมงลัก เป็นตัวที่ช่วยไล่ยุง ส่วนน้ำมันหญ้าแฝกเป็นตัวช่วยในการยึดเกาะ ทำให้ติดทนนาน และใช้เทคโนโลยีนาโนอิมัลชันทำให้หยดน้ำมันที่แตกตัวอยู่ในน้ำมีขนาดเล็กประมาณ 150 นาโนเมตร ซึ่งทำให้น้ำมันรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำได้โดยไม่ต้องใช้แอลกอฮอล์ช่วย และเมื่อหยดน้ำมันมีขนาดเล็ก จึงเรียงตัวกันได้ดีและติดทนนานเมื่อนำมาทาผิว

น้ำมันไพลผสมแอลกอฮอล์
น้ำมันไพลผสมแอลกอฮอล์ ทากันยุง

คุณภาพยาจุดกันยุง

ความแข็งแรง ไม่หักง่าย แยกจากขดง่าย
อัตราการเผา ไม่เร็วไป
ความชื้นไม่มาก ไม่ดับกลางคัน
สารเคมีมีพิษอันตรายไม่มี ปลอดภัยต่อสุขภาพ และรักษาสิ่งแวดล้อม
คุณภาพ ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มอก.309-2525 ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบ ต้องสามารถทำให้ยุงลายหงายท้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ในเวลา 20 นาที

ข้อควรระวัง
แต่ผู้ใช้ก็ควรระมัดระวังในการใช้ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและทรัพย์สินได้ จึงควรปฏิบัติดังนี้

ควรใช้ยาจุดกันยุงในห้องที่มีอากาศถ่ายเทดี
ขาตั้งและสิ่งรองยาจุดกันยุง ต้องทำด้วยวัสดุโลหะหรือวัตถุอื่นที่ไม่ติดไฟ
ล้างมือทุกครั้งหลังการหยิบใช้หรือสัมผัส และเก็บยาจุดกันยุงไว้มิดชิด พ้นมือเด็ก และไม่วางไว้ใกล้หรือรวมกับอาหาร
ขณะใช้ วางให้ห่างจากของไวไฟหรือของที่เป็นเชื้อไฟได้ และเมื่อเลิกใช้แล้วควรตรวจดูให้แน่ใจว่าไฟดับเรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไฟไหม้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากประมาท
http://www.monmai.com

ความคิดเห็น :
1
อ้างอิง

SoftArabia
 
SoftArabia [154.179.219.xxx] เมื่อ 5/05/2021 17:33
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :
 


Web Master : ครูนงลักษณ์

นงลักษณ์ ชูทัน
  น.ส.นงลักษณ์ ชูทัน

สารพัดลิงค์







เรื่องน่ารู้



ผู้ที่เป็นครูจะต้องถือเป็นหน้าที่อันดับแรก ที่จะต้อง ให้การศึกษา คือ สั่งสอนอบรมอนุชนให้ได้ผลแท้จริง ทั้งในด้านวิชาความรู้ ทั้งในด้านจิตใจ และความประพฤติ ทั้งต้องคิดว่างานที่แต่ละคนกำลังทำอยู่นี้คือความเป็นความตายของประเทศ เพราะอนุชนที่มีความรู้ความดีเท่านั้นที่จะรักษาชาติบ้านเมืองไว้ได้…
(พระราชดำรัส : ๒๕๑๕)