เมนู
บทความ
บทความวิชาการ
>> อาเซียน
>> พรบ.การศึกษา
>> การจัดการเรียนรู้
>> คุณลักษณะนิสัย
>> วัดผลประเมินผล
>> ระบบดูแลนักเรียน
>> วิจัยในชั้นเรียน
>> หลักสูตร 2551
บทความวิทยาศาสตร์
>> รวมคำขวัญวันวิทยาศาตร์
>> เกิดอะไรขึ้นในสมอง
>> science-news
>> สีสันวิทยาศาสตร์
>> วิทยาศาสตร์น่ารู้
>> วิทย์ระดับประถม
>> คลังความรู้วิทยาศาสตร์
>> 10 กลวิทยาศาสตร์สนุก
>> เด็กวิทย์สนุกคิด
>> เทคโนโลยีและชีวภาพ
>> วิทยาศาสตร์มหัศจรรย์
>> นิทานวิทยาศาสตร์
>> เกร็ดวิทย์ชวนรู้
>> บทความวิทยาศาสตร์
>> ข่าววิทยาศาสตร์
>> การทดลองวิทยาศาสตร์
บทความน่าสนใจ
>> เอลนีโญและลานีญา
>> พืชสมุนไพร
>> เตรียมตัวสู้น้ำท่วม
>> สื่ออีเลิร์นนิ่ง
>> สื่อ Teblet
>> สึนามิ
>> ข้อคิด คติเตือนใจ
>> ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์
>> พืชดูดสารพิษ
บทความสุขภาพ
>> ผักบุ้งนา ประหยัดสุด
>> อาบน้ำลดน้ำหนัก
>> ช่วยตับขับพิษ
>> การแกว่งแขนบำบัด
>> ครีมเทียม ยิ่งมากยิ่งเสี่ยง
>> ของเสียในร่างกาย
>>12 วิธีการลดคลอเลสเตอรอล
>> 15 วิธีลดไขมัน
>> สมุนไพรลดไขมัน
>> บ้านสุขภาพ
>> อาหารกลางวัน
>> คำนวณภาวะโภชนาการ
>> โภชนาการน่ารู้
>> ธงโภชนาการ
>> 10 อย่างที่ควรรับประทาน
>> อาหารสุขภาพ
>> อาหารและสุขภาพ
>> สาระน่ารู้ต่างๆ นาๆ
ปฎิทิน
April 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
  
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
   
สถิติ
เปิดเมื่อ17/04/2012
อัพเดท31/12/2015
ผู้เข้าชม403884
แสดงหน้า524249


วิธีการชาร์จมือถือที่ถูกต้อง

อ่าน 457 | ตอบ 0
  1. แบตเตอรี่ชนิด Li-ion และ Li-Polymer เป็นแบตที่ใช้กันอยู่ในมือถือและแท็บเลทในปัจจุบัน มีข้อแนะนำการชาร์จมือถือจากผู้เชียวชาญในต่างประเทศ ดังนี้

    1. หลีกเลี่ยงการชาร์จไป และโทรไป เพราะแบตเตอรี่ต้องทำ...งานมากกว่าปกติถึง 40 เท่าในขณะชาร์จ เมื่อเทียบกับตอนไม่ได้ชาร์จ เนื่องจากขณะใช้มือถือหรือแท็บแล็ตพกพานั้น ใช้แรงดันไฟเพียง 5 และ 10 โวลย์ตามลำดับ แต่เมื่อเสียบสายชาร์จแล้ว หม้อแปลงเล็กในตัวชาร์จ จะรับแรงดันไฟถึง 220 โวลย์จากเต้าเสียบ เพื่อแปลงลงเหลือ 5 โวลย์ให้กับมือถือ ทำให้อุณภูมิขณะชาร์จสูงกว่าเดิม ในระดับ 40-50 องศา และเมื่อใช้มือถือโทรศัพย์ จะเพิ่มการใช้ไฟและความร้อนให้กับมือถือโดยอัตโนมัติ หากแบตใกล้จะหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ จะทำให้ทนต่อแรงดันไฟและความร้อนไม่ได้เหมือนเดิม ก่อให้เกิดการระเบิดตามเป็นที่เป็นข่าว

    2. ควรใช้ปลั๊กสามตาแบบสายยาวต่อเป็นเต้าเสียบให้มือถือ จะมีความปลอดภัยสูงกว่าการเสียบมือถือเข้าเต้าเสียบโดยตรง เพราะเต้าเสียบหลายตาแบบสายยาว จะมีฟิวส์และตัวตัดไฟป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร หรือการใช้ไฟมากกว่าปกติอยู่แล้ว

    3.ไม่ควรชาร์จในขณะที่แบตต่ำกว่า 30% เพราะจะทำให้แบตเสื่อมเร็ว จากผลการทดสอบจากต่างประเทศได้ระบุว่า หากชาร์จแบตเตอรี่ที่ระดับ ระดับแบตเตอรี่อยู่ที่ 65-70% จะดีที่สุด แต่การใช้ชาร์จจริงที่ระดับ 35-60% ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้

    4.ไม่ควรชาร์จไฟในขณะที่แบตหมดเกลี้ยง ในระดับเปิดเครื่องเปิดไม่ติด (แบตเหลือ 0%) โดยเด็ดขาด เพราะทำให้แบตพังไวมาก เนื่องจากแบตจะต้องรับภาระการการเรียกคืนประจุหรือรอบการชาร์จ มากกว่าการชาร์จขณะแบ็ตยังไม่หมด ซึ่งนอกจากจะใช้ไฟชาร์จมากกว่าเดิมถึง3เท่า ยังทำให้แบตร้อนกว่าเดิมถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับการชาร์จในตอนที่แบตไม่หมด

    5.ไม่ต้องกังวลว่าการชาร์จมือถือทิ้งไว้ ในขณะที่แบตเต็ม จะมีปัญหากับแบตหรือไม่ เพราะมือถือและแท็บเลทในปัจจุบันนั้น มีระบบตัดไฟ เมื่อชาร์จแบตจนเต็ม 100%

    6. หลีกเลี่ยงการทำมือถือตกพื้น เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสียหาย อาจจะทำให้สารเคมีในแบตรั่วไหล หรือขั้วแบตอาจจะหลุดออกมาก็เป็นได้ ซึ่งจะส่งผลให้จ่ายไฟไม่นิ่ง และการใช้งานกับตัวเครื่องมือถือหรือแท็บเลทมีปัญหาได้

    7. เวลาชาร์จควรเสียบที่ชาร์จกับปลั๊กไฟก่อน แล้วค่อยเอาหัวชาร์จมาเสียบกับมือถือ-แท๊บเลทอีกที เพื่อป้องกันไฟกระชาก

    8. สังเกตุเครื่องหมายรับรองคุณภาพ CE บนแบตแท้ว่ามีหรือไม่ ซึ่ง CE หมายถึง Conformite European เป็นเครื่องหมายที่แสดงการรับรองจากผู้ผลิตว่าสินค้านั้น มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป การมีเครื่องหมาย CE กำกับบนสินค้าจะทำให้สินค้านั้นสามารถวางจำหน่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรีในเขตเศรษฐกิจยุโรป
    See More
    Photo: วิธีการชาร์จมือถือที่ถูกต้อง 
 
     แบตเตอรี่ชนิด Li-ion และ Li-Polymer เป็นแบตที่ใช้กันอยู่ในมือถือและแท็บเลทในปัจจุบัน มีข้อแนะนำการชาร์จมือถือจากผู้เชียวชาญในต่างประเทศ ดังนี้

      1. หลีกเลี่ยงการชาร์จไป และโทรไป เพราะแบตเตอรี่ต้องทำงานมากกว่าปกติถึง 40 เท่าในขณะชาร์จ เมื่อเทียบกับตอนไม่ได้ชาร์จ เนื่องจากขณะใช้มือถือหรือแท็บแล็ตพกพานั้น ใช้แรงดันไฟเพียง 5 และ 10 โวลย์ตามลำดับ แต่เมื่อเสียบสายชาร์จแล้ว หม้อแปลงเล็กในตัวชาร์จ จะรับแรงดันไฟถึง 220 โวลย์จากเต้าเสียบ เพื่อแปลงลงเหลือ 5 โวลย์ให้กับมือถือ ทำให้อุณภูมิขณะชาร์จสูงกว่าเดิม ในระดับ 40-50 องศา และเมื่อใช้มือถือโทรศัพย์ จะเพิ่มการใช้ไฟและความร้อนให้กับมือถือโดยอัตโนมัติ หากแบตใกล้จะหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ จะทำให้ทนต่อแรงดันไฟและความร้อนไม่ได้เหมือนเดิม ก่อให้เกิดการระเบิดตามเป็นที่เป็นข่าว

      2. ควรใช้ปลั๊กสามตาแบบสายยาวต่อเป็นเต้าเสียบให้มือถือ จะมีความปลอดภัยสูงกว่าการเสียบมือถือเข้าเต้าเสียบโดยตรง เพราะเต้าเสียบหลายตาแบบสายยาว จะมีฟิวส์และตัวตัดไฟป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร หรือการใช้ไฟมากกว่าปกติอยู่แล้ว

      3.ไม่ควรชาร์จในขณะที่แบตต่ำกว่า 30% เพราะจะทำให้แบตเสื่อมเร็ว จากผลการทดสอบจากต่างประเทศได้ระบุว่า หากชาร์จแบตเตอรี่ที่ระดับ ระดับแบตเตอรี่อยู่ที่ 65-70% จะดีที่สุด แต่การใช้ชาร์จจริงที่ระดับ 35-60% ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้

      4.ไม่ควรชาร์จไฟในขณะที่แบตหมดเกลี้ยง ในระดับเปิดเครื่องเปิดไม่ติด (แบตเหลือ 0%) โดยเด็ดขาด เพราะทำให้แบตพังไวมาก เนื่องจากแบตจะต้องรับภาระการการเรียกคืนประจุหรือรอบการชาร์จ มากกว่าการชาร์จขณะแบ็ตยังไม่หมด ซึ่งนอกจากจะใช้ไฟชาร์จมากกว่าเดิมถึง3เท่า ยังทำให้แบตร้อนกว่าเดิมถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับการชาร์จในตอนที่แบตไม่หมด

      5.ไม่ต้องกังวลว่าการชาร์จมือถือทิ้งไว้ ในขณะที่แบตเต็ม จะมีปัญหากับแบตหรือไม่ เพราะมือถือและแท็บเลทในปัจจุบันนั้น มีระบบตัดไฟ เมื่อชาร์จแบตจนเต็ม 100%

      6. หลีกเลี่ยงการทำมือถือตกพื้น เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสียหาย อาจจะทำให้สารเคมีในแบตรั่วไหล หรือขั้วแบตอาจจะหลุดออกมาก็เป็นได้ ซึ่งจะส่งผลให้จ่ายไฟไม่นิ่ง และการใช้งานกับตัวเครื่องมือถือหรือแท็บเลทมีปัญหาได้

      7. เวลาชาร์จควรเสียบที่ชาร์จกับปลั๊กไฟก่อน แล้วค่อยเอาหัวชาร์จมาเสียบกับมือถือ-แท๊บเลทอีกที เพื่อป้องกันไฟกระชาก

      8. สังเกตุเครื่องหมายรับรองคุณภาพ CE บนแบตแท้ว่ามีหรือไม่ ซึ่ง CE หมายถึง Conformite European เป็นเครื่องหมายที่แสดงการรับรองจากผู้ผลิตว่าสินค้านั้น มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป การมีเครื่องหมาย CE กำกับบนสินค้าจะทำให้สินค้านั้นสามารถวางจำหน่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรีในเขตเศรษฐกิจยุโรป
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :
 


Web Master : ครูนงลักษณ์

นงลักษณ์ ชูทัน
  น.ส.นงลักษณ์ ชูทัน

สารพัดลิงค์







เรื่องน่ารู้



ผู้ที่เป็นครูจะต้องถือเป็นหน้าที่อันดับแรก ที่จะต้อง ให้การศึกษา คือ สั่งสอนอบรมอนุชนให้ได้ผลแท้จริง ทั้งในด้านวิชาความรู้ ทั้งในด้านจิตใจ และความประพฤติ ทั้งต้องคิดว่างานที่แต่ละคนกำลังทำอยู่นี้คือความเป็นความตายของประเทศ เพราะอนุชนที่มีความรู้ความดีเท่านั้นที่จะรักษาชาติบ้านเมืองไว้ได้…
(พระราชดำรัส : ๒๕๑๕)